Muse Communication Co., Ltd เป็นผู้จัดจำหน่ายแอนิเมชันญี่ปุ่นรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ได้ลงทุนกับอนิเมะนับตั้งแต่ความสำเร็จของ อิโต้จุนจิ คอลเลคชั่น ในปี 2018 ทุกปีนับตั้งแต่นั้น โดยมีการระดมทุนผลิตอนิเมะ 1-2 โปรเจกต์ทุก ๆ ปี มาคราวนี้เราได้เชิญ Ms. Hui Ling Kao ผู้ซึ่งชำนาญด้านธุรกิจ เป็นผู้รับผิดชอบในส่วนการลงทุนอนิเมะที่ Muse Communication Co., Ltd เพื่อตอบคำถามที่แฟน ๆ อยากรู้ รวมถึงคำถามเกี่ยวกับการลงทุนด้านอนิเมะ ที่ไม่ค่อยเป็นที่คุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ มาร่วมเดินทางกับพวกเราเพื่อไขความลับนี้กันเถอะ!
ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมทางบริษัทถึงเลือกที่จะลงทุนกับอนิเมะญี่ปุ่น อะไรเป็นแรงบันดาลใจเหรอครับ?
Hui Ling Kao (Kao): ในฐานะที่ Muse Communication เป็นที่รู้จักในฐานะผู้จัดจำหน่ายแอนิเมชั่นญี่ปุ่นมืออาชีพ ย่อมมีเป้าหมายที่จะลงลึกเข้าไปสู่ในอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นญี่ปุ่น ผ่านการร่วมมือจากหลายฝ่าย
อนิเมะแต่ละเรื่องทุกวันนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก “คณะกรรมการฝ่ายผลิต” ซึ่งประกอบด้วยองค์กรต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสำนักพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ ค่ายเพลง สตูดิโอแอนิเมชัน บริษัทเกม DVD และร้านจำหน่ายสินค้ามาร่วมกันลงทุน เราเชื่อว่าเราสามารถได้รับความเข้าใจที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิตอนิเมะของญี่ปุ่น เมื่อเข้าร่วมคณะกรรมการเหล่านี้
ดังนั้น บริษัทของเราจึงกระตือรอร้นที่จะเริ่มปรึกษาหารือ ในการเจรจาเพื่อได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องกับทางญี่ปุ่น ในการลงทุนทางด้านอนิเมะ แผนภูมิความสัมพันธ์ของคณะกรรมการการผลิตและผู้สนับสนุนภายใน
การลงทุนที่ประสบความสำเร็จครั้งแรกของบริษัท คุณใช้อะไรเป็นตัวกำหนดความสำเร็จหรือว่าล้มเหลวในการลงทุนโปรเจกต์เหรอครับ?
Kao: จากความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ของอนิเมะเรื่อง “อิโต้จุนจิ คอลเลคชั่น” ที่ได้ออกอากาศไปในปี 2018 ก็ถือเป็นการลงทุนที่สร้างมาตรฐานอันโดดเด่นเป็นที่จดจำและเห็นภาพชัดเจน นำพาไปสู่การนำเสนอซึ่งกิจกรรมออฟไลน์ต่าง ๆ และสินค้าเกี่ยวกับทางลิขสิทธิ์ โดยศักยภาพของ IP มีการขยับขยายออกระหว่างที่ได้ทำการออกฉาย เหล่าแฟน ๆ ได้สนับสนุนอย่างดีด้วยการดูอนิเมะแบบเป็นทางการ ทั้งเข้าร่วมอีเวนต์ รวมถึงซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง สำหรับทางบริษัทแล้วนับว่าเป็นโปรเจกต์ที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ
ผู้สัมภาษณ์ : การลงทุนในโปรเจกต์อนิเมะกับซื้อมานั้น มีกระบวนการต่างกันอย่างไร?
Kao: นอกจากความแตกต่างในพื้นที่และภูมิภาค รวมถึงช่วงเวลา การลงทุนได้ให้ข้อมูลเชิงลึกในขั้นการผลิตมากขึ้นแก่คณะกรรมการฝ่ายผลิตก่อนที่อนิเมะจะออกอากาศ ช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์แผนการโปรโมทในต่างประเทศได้ เรามักจะมีระยะเวลาเตรียมการประมาณ 3 เดือนสำหรับซีซั่นหนึ่งของการซื้อปกติ ซึ่งรวมถึงการออกแบบโลโก้ให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ ภาพกราฟิกที่แสดงออกมา ระบบการจัดการพัสดุ และการกระจายสินค้า เนื่องด้วยเพราะออกอากาศล่าช้าในญี่ปุ่น ทำให้มักเป็นอุปสรรคสำหรับการโปรโมทขายสินค้าอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม เราสามารถประสานงาน วันที่เผยแพร่ทั่วโลกกับคณะกรรมการการลงทุน และประสานกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในญี่ปุ่นได้ ความยืดหยุ่นนี้ทำให้เราควบคุมการทำงานและทำดำเนินการได้คสะดวกได้มากขึ้น ในการพยายามโลคัลไลซ์ให้เข้ากับพื้นที่นั้น ๆ
ผู้สัมภาษณ์: ทางบริษัทได้ลงทุนกับอนิเมะประเภทไหน? และมักจะเลือกลงทุนกับประเภทไหนเป็นพิเศษ?
Kao: แรกเริ่มการลงทุนของบริษัท มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์เพื่อเข้าใจอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่นมากขึ้น เพราะฉะนั้นเลยไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องประเภทอย่างเจาะจง เช่น
การลงซื้อลิขสิทธิ์เรื่อง “พนักงานร้านหนังสือ ฮอนดะซัง” ที่ฉายในปี 2018 และผลงานที่ดัดแปลงจากนิยายอย่าง “เพื่อลูกจ๋า ปะป๋าขอลุย” ในปี 2019 รวมถึง “เกมเสี่ยงตาย อันตรายทะลุจอ” ที่ดัดแปลงมาจากไลท์โนเวลที่มีชื่อเสียง ในช่วงปี 2020 และ 2021
ทางบริษัทยังลงทุนกับผลงานอีก 5 รายการเช่น “ARTE”,”สำนักงานนักสืบนกหัวขวาน”, “แผนลับดับศัตรู”,”คุณหมอประหลาด รามุเนะ” และ “เรียกข้าว่าสึชิมะ” ผลงานเหล่านี้ครอบคลุมหลากหลายแนว ตั้งแต่ประสบการณ์ในที่ทำงาน เล่าถึงตัวละครประวัติศาสตร์ แนวลึกลับสืบสวน แฟนตาซีผจญภัย และก็เรื่องราวอันอบอุ่นหัวใจ เราหวังจะสร้างศักยภาพมากมายผ่านการลงทุนหลากหลายแนว พร้อมรับฟังเสียงตอบรับตรงไปตรงมาจากตลาด โดยเรื่องที่เราลงทุนในปี 2022 จนถึงปัจจุบันก็มี “บันทึกการเดินทางต่างโลกของท่านอัศวินกระดูก”
“เทมเมอร์ถูกทิ้งกับเด็กหญิงหูแมวสุดแกร่ง” และก็ “ราชาวีรชน เกิดใหม่เพื่อขัดเกลาวิถีต่อสู้ และ กลายเป็นอัศวินฝึกหัดที่แกร่งสุดในโลก” โดยมักจะเน้นตอบสนองแนวที่แฟน ๆ ชื่นชอบอย่างประเภท เกิดใหม่ในต่างโลก ชีวิตประจำวันอันมีองค์ประกอบของฮาเร็มอยู่บ้าง
ผู้สัมภาษณ์: พอจะแง้มข้อมูลโปรเจกต์ที่ได้ลงทุนไป ที่กำลังจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้หน่อยได้ไหมครับ?
Kao: ในซีซั่นใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาถึง บริษัทจะมีโปรเจกต์จะนำเอาลิขสิทธิ์เรื่อง “จอมตะกละดาบคลั่ง” ที่มีกำหนดฉายในเดือนตุลาคมมาฉาย การออกแบบตัวละครนี้ค่อนข้างน่าดึงดูดมาก เพราะมีการนำเอาคอนเซ็ปต์ของบาปทั้งเจ็ดมาเป็นสกิลกับชื่ออาวุธในเรื่อง โดยตัวเอกของเรื่องไม่ได้มีแต่สกิลของ “ตะกละ” เท่านั้น แต่ยังมีอาวุธที่ชื่อว่า “โลภะ” อีกด้วย ครั้นมองดูแบบผิวเผินอาจทำให้หลายคนคิดถึงตัวละครอย่างเมเปิล ที่อัปพลังป้องกันเพราะไม่อยากเจ็บตัว กับสไลม์ที่มาเกิดใหม่มีสกิลกลัทโทนี (ตะกละ) เมื่อยิ่งดำเนินเรื่องต่อไป บุคลิกของตัวละครหลักก็เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงของอาวุธของเขา ที่จะทำให้รู้สึกสดใหม่ แปลกประหลาด และน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน กับฉากแอคชั่นที่ทำออกมาอย่างพิถีพิถันและน่าประทับใจ นางเอกที่มีความหลากหลายและมากเสน่ห์ ไม่ยากเลยที่จะทำให้เป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความชื่นชอบ และตัวละครสมทบหญิงที่จะมาถึงก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เชื่อเลยว่าซีรีส์นี้จะกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมประจำซีซั่น ต่อไป
ในปี 2024 ทางบริษัทได้วางแผนจะเปิดโปรเจกต์การลงทุนที่หลากหลายยิ่งขึ้นแทบทุกซีซั่น
คาดหวังว่าแฟน ๆ จะสนับสนุนผลงานที่ Muse Communication ได้ลงทุน
และสนใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมคอมมูนิตี้ รวมถึงรับชมเนื้อหาผ่านช่องทางที่ถูกลิขสิทธิ์
ผู้สัมภาษณ์: เอาล่ะสุดท้ายนี้ โปรดนำเสนอผลงานนี้ให้กับทุกคนหน่อยครับ
Kao: แรกเริ่ม สิ่งที่เราโฟกัสกับซีรีส์นี้คือด้านเพลงและก็นักพากย์ผู้ให้เสียง เพลงธีมเปิดโดย “Jekyll & Hyde” และธีมปิด “Ao no Genseki” ขับร้องโดย EverdreaM นักร้องคู่ที่ตั้งมาโดยนักพากย์สาว Misato (Misato Matsuoka) และ Hitomi (Hitomi Sekine) อีกทั้งยังเป็นผู้ให้เสียงตัวละครอย่าง Wtath Myne และ LUST Eris
ลำดับต่อมาสำตัวละครหลัก เป็นบทบาทที่มองข้ามไปไม่ได้อยู่แล้ว ตัวละครหลักหญิงอย่าง Lady Roxy ก็ให้เสียงโดย Hisako Tojo และตัวละครหลักชายอย่าง Gluttony Fate ก็ได้เสียงพากย์ของ Ryota Osaka ผู้เคยฝากผลงานอันน่าจดจำเอาไว้ในบทบาท กิวทาโร่ จากเรื่อง “ดาบพิฆาตอสูร” จึงสร้างความคาดหวังเป็นอย่างมากว่าทางนักพากย์จะนำเสนออย่างไรในบทบาทนี้ เพิ่มเติมคือคู่หูของเขาอย่าง Greed ก็ได้รับการให้เสียงโดยนักพากย์มือเก๋าอย่างคุณ Seki Tomokazu(Sanemi Shinazugawa ใน “ดาบพิฆาตอสูร”)
การโต้ตอบระหว่างตัวละครทั้งสองนี้เลยได้รับการคาดหวังอย่างมากแน่นอน แฟนๆ ที่สนใจงานของพวกเขา ช่วงตุลาคมนี้ห้ามพลาด!
สอบถามธุรกิจ